----------------------------------------------------
ประชาชนภูเก็ตร่วมปล่อยพันธุ์กุ้ง-ปลา มากกว่า 2 ล้านตัว และปล่อยพันธุ์ปูดำ 600 กก.
เพื่อเพิ่มผลผลิตฟื้นฟูสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ พร้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ 12 สิงหามหาราชินี เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2552 บริเวณโรงเรียนวีรสตรีอนุสรณ์ และบริเวณชายฝั่งหน้าโรงเรียนฯ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 12 สิงหามหาราชินี และขยายผลการดำเนินงานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการ “อบต.สัญจรพบประชาชน” ซึ่งจังหวัดภูเก็ต ประมงจังหวัดภูเก็ต องค์การบริหารส่วนตำบลป่าคลอก และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ร่วมกันจัดขึ้น มีนายสุนันท์ ศิริมากุล ประมงจังหวัดภูเก็ต นายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน นายอธิพงษ์ คงนาม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าคลอก ฝ่ายบริหาร สมาชิกสภา ข้าราชการ พนักงาน อบต.ป่าคลอก นายสุทา ประทีป ณ ถลาง ประธานกลุ่มเครือข่ายอ่าวฉลอง นายรอฉาด ท่อทิพย์ กำนันตำบลป่าคลอก นักเรียน นักศึกษา และประชาชนผู้สนใจทั่วไปเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยกิจกรรมในส่วนของการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ นายสุนันท์ฯ ประมงจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในวันนี้ (6 ส.ค. 52) เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหามหาราชินี และเป็นการขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเพิ่มผลผลิตฟื้นฟูสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติให้กลับมาสมบูรณ์ เพื่อให้ผู้มีอาชีพทำการประมงสามารถประกอบอาชีพได้ในพื้นที่อ่าวบางโรง ป่าคลอก เพื่อเป็นการปลูกฝังสร้างจิตสำนึก และตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ และการใช้ประโยชน์จากสัตว์น้ำอย่างถูกต้อง และเพื่อเป็นการประสานความรัก สามัคคีของกลุ่มบุคคลทั้งภาครัฐและเอกชน ในการร่วมดำเนินกิจกรรมอันแสดงออกถึงความจงรักภักดี และความกตัญญูกตเวทีที่มีต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทั้งนี้การจัดกิจกรรมดังกล่าวทางสำนักงานประมงจังหวัดได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินงานจาก อบจ.ภูเก็ต ที่เห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำที่ทุกวันจะลดลงด้วยการประกอบกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ตำบลป่าคลอกนี้มีทรัพยากร สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟูให้คงอยู่ กอร์ปกับ ประชาชนในพื้นที่มีจิตสำนึกร่วมกันที่จะอนุรักษ์ รักษาทรัพยากรในท้องถิ่นของตนเองได้อย่างเข้มแข็ง และได้รับการสนับสนุนจาก อบต.ป่าคลอก รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง “สัตว์น้ำที่ปล่อยในวันนี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกได้รับการสนับสนุนตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีกุ้งกุลาดำ จำนวน 1.8 ล้านตัว ปูดำจำนวน 600 กิโลกรัม ปลากะพงขาว จำนวน 2 หมื่นตัว ปลากะรัง จำนวน 3 พันตัว และส่วนที่สอง ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์วิจัย และพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต เป็นกุ้งแชบ้วย จำนวน 1 ล้านตัว” นายสุนันท์ กล่าว
----------------------------------------------------
กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (ก.ย.ศ.) แจ้งรายละเอียดวิธีการชำระเงินคืนกองทุนฯ
สำนักงานประชาสัมพันธ์
จังหวัดภูเก็ต ได้รับแจ้ง จากกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (ก.ย.ศ.) เกี่ยวกับการชำระเงินคืน ก่อนถึงกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ว่า ให้ผู้กู้ยืมต้องรายงานข้อมูลพร้อมเอกสารของตนเองต่อธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ก่อนสิ้นเดือนพฤษภาคมของปีถัดจากปีที่สำเร็จการศึกษา หรือเลิกการศึกษา โดยผู้กู้ยืมต้องชำระหนี้คืน หลังสำเร็จการศึกษาหรือเลิกการศึกษาแล้ว 2 ปี ภายในวันที่ 5 กรกฎาคมของปี ที่ครบกำหนด วิธีการชำระหนี้ 1. การติดต่อในครั้งแรก ผู้กู้ยืมทุกรายต้องติดต่อแสดงตนในการชำระหนี้ที่ บมจ. ธนาคารกรุงไทยได้ทุกสาขา 1.1 กรอกแบบฟอร์มการติดต่อขอแสดงตนในการชำระหนี้ และเก็บไว้เป็นหลักฐาน 1.2 ผู้กู้ยืมสามารถเปลี่ยนวิธีการชำระหนี้จากรายปีเป็นรายเดือนก็ได้ โดยมีระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ตั้งแต่ 1 ปีเป็นต้นไป แต่ไม่เกิน 15 ปี 1.3 ผู้กู้ยืมจะได้รับตามรางการผ่อนชำระหนี้จากธนาคารเพื่อผู้กู้ยืมจะได้นำเงินเข้าบัญชีก่อนวันครบกำหนดชำระของทุกปี 1.4 ผู้กู้ต้องมีบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารกรุงไทย เพื่อใช้ในการหักบัญชีการชำระหนี้โดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจเป็นบัญชีเดิมที่ผู้กู้เปิดไว้ในขณะทำสัญญา 1.5 หากประสงค์เปลี่ยนเลขที่บัญชีออมทรัพย์โดยขอเปิดบัญชีใหม่พร้อมกับแจ้งสาขาให้ทำการเปลี่ยนแปลง เลขที่บัญชีใหม่ด้วย 1.6 ผู้กู้ยืมจะต้องเสียค่าธรรมเนียมธนาคารครั้งละ 10 บาท 2. การชำระหนี้ครั้งต่อไปสามารถดำเนินการได้โดย 2.1 แจ้งความประสงค์หักบัญชีอัตโนมัติจากบัญชีออมทรัพย์ของผู้กู้ โดยต้องนำเงินเข้าบัญชีก่อนวันที่ 5 กรกฎาคมของทุกปี (กรณีชำระหนี้เป็นรายปี) หรือก่อนวันที่ 5 ของทุกเดือน (กรณีชำระหนี้เป็นรายเดือน) ทั้งนี้ ผู้กู้ต้องมีเงินในบัญชีมากพอกับต้นเงินงวดที่ต้องชำระกับงวดที่ค้างชำระ (หากมี) และดอกเบี้ยหรือเบี้ยปรับ (หากมี) 2.2 ชำระที่หน้าเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย ผู้กู้ยืมชำระเงินมากกว่า หรือเท่ากับ หรือน้อยกว่าจำนวนเงินงวดที่ต้องชำระก็ได้ หรือ กรณีชำระเงินไม่ตรงตามกำหนดเวลา ผู้กู้ยืมจะได้รับใบรับเงินเพื่อชำระหนี้กองทุนฯ ไว้เป็นหลักฐาน 3. การชำระหนี้ก่อนกำหนด ผู้กู้ยืมสามารถชำระหนี้คืนกองทุนฯ ทั้งหมดหรือบางส่วนในช่วงก่อนสำเร็จการศึกษา หรือช่วงระยะเวลาปลอดหนี้ 2 ปีได้ โดยไม่เสียดอกเบี้ย การสอบถามยอดหนี้ ได้ที่.. ศูนย์สายใจ กยศ. 02 610 4888 / กรุงไทยโฟน 1551 หรือ 02-208 8699 และสาขาของ บมจ. ธนาคารกรุงไทยทุกแห่ง. …………วิชิต เพชรยอด ข่าว
-----------------------------------------------------
สธ.ภูเก็ต จัดประชุมป้องกันหวัด 2009 พร้อมแจกหน้ากากอนามัยให้แก่ผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์
นายแพทย์วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า วันนี้ ( 6 ส.ค.52) ที่ห้องประชุมโรงเรียนมุสลิมวิทยาภูเก็ต ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต จัดประชุมการป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 สำหรับผู้นำศาสนาอิสลาม และผู้นำชาวมุสลิมที่ไปประกอบพิธีฮัจย์ (แซะ) จำนวน 150 คน นอกจากนี้มีการมอบหน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งสำหรับให้มัสยิดต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต จำนวน 51 แห่ง รวม 2,550 ชิ้น เพื่อไว้ให้พี่น้องชาวมุสลิมที่ไปประกอบพิธีฮัจย์ในปลายปีนี้ รวม 900 ชิ้น สำหรับใส่ป้องกันตนเองขณะที่อยู่ระหว่างการประกอบพิธีฮัจย์ ด้วย นายแพทย์วิวัฒน์ กล่าวอีกว่า ตามที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ถือเป็นวิกฤตทางด้านสุขภาพสำหรับประชาชนคนไทย อันเนื่องมาจากที่โรคสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วครอบคลุมไปทุกจังหวัดภายในระยะเวลาอันสั้น การแพร่ระบาดในประเทศจะยังคงขยายตัวต่อไปอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะระบาดต่อเนื่องไปถึงปลายปีหรือข้ามไปถึงปีหน้า หากขาดการป้องกันโรคและขาดประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย คาดว่าจะมีผู้ป่วยโดยรวมหลายล้านคน และแม้อัตราป่วยตายของโรคจะไม่สูงมากนัก แต่คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จังหวัดภูเก็ต เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวนมาก ทั้งนักเรียน นักศึกษา ประชาชน รวมทั้งนักท่องเที่ยว และมีแนวโน้มว่าจะมีการระบาดมากขึ้น เนื่องจากหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมสุขภาพส่วนบุคคล สถานที่ สิ่งแวดล้อม เป็นต้น และจังหวัดภูเก็ตมีมัสยิดต่างๆ หลายแห่งซึ่งมีผู้มาประกอบพิธีทางศาสนาจำนวนมาก รวมทั้งมีผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์จำนวนมากเช่นเดียวกัน จึงทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อโรคไปได้อย่างรวดเร็ว ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต จึงได้หามาตรการป้องกันร่วมกัน โดยการจัดให้มีการประชุมป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 พร้อมกับมอบหน้ากากอนามัยให้กับมัสยิดต่างๆ และผู้ที่จะเดินทางไประกอบพิธีฮัจย์ ขึ้น ดังกล่าว
------------------------------------------------------------------------
มูลนิธิชุมชนภูเก็ตเปิดห้องสมุดของเล่นแห่งที่ 3 โรงเรียนวัดเมืองใหม่ 24 ก.ค.นี้
มูลนิธิชุมชนภูเก็ตและโรงพยาบาลสิริโรจน์ เปิดห้องสมุดของเล่น จ.ภูเก็ต แห่งที่ 3 ณ โรงเรียนวัดเมืองใหม่ วันที่ 24 กรกฎาคม 2552 พร้อมนำนิทานหุ่นมือในโครงการ “เติมเต็มเจ้าตัวเล็ก ปี 2 ตอนออกเดินทาง” เล่านิทานสร้างความสนุกให้กับเด็กๆ
รองศาสตราจารย์ปราณี สกุลพิพัฒน์ ประธานมูลนิธิชุมชนภูเก็ต กล่าวว่า ภายหลังเปิดโครงการห้องสมุดของเล่น ณ ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ วัดเทพนิมิต ซึ่งเป็นห้องสมุดนำร่อง และห้องสมุดของเล่นโรงเรียนหงส์หยกบำรุง ซึ่งนับเป็นแห่งที่ 2 ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากทั้งเด็กๆและชุมชน ส่งผลให้ทางมูลนิธิฯได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มเติมจากนายจำรัส ปิติกุลสถิตย์ จำนวน 1 แสนบาท โดยรับมอบอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 มิถุนายน 2552 คณะทำงานจึงเดินหน้าเปิดห้องสมุดของเล่นแห่งที่ 3 คือ โรงเรียนวัดเมืองใหม่ โดยมีกำหนดเปิดในวันที่ 24 กรกฎาคม 2552 นี้ ด้านนายอนุรักษ์ ธารสิริโรจน์ กล่าวว่า ตลอดต้นปี 2552 ที่ผ่านมาโรงพยาบาลได้จัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์สำหรับเด็กไว้หลายกิจกรรม อาทิ การเล่านิทาน กิจกรรมสันทนาการต่างๆ ให้กับโรงเรียนและมูลนิธิ เช่น มูลนิธิบ้านเด็กตะวันฉาย, มูลนิธิบ้านเด็กโสสะ ซึ่งทางโรงพยาบาลฯได้ร่วมกับมูลนิธิชุมชนภูเก็ต ในการเปิดโครงการห้องสมุดของเล่นอย่างต่อเนื่อง โดยได้มอบพื้นที่ในโรงพยาบาลฯเพื่อรับบริจาคของเล่นและหนังสือสำหรับเด็ก พร้อมทั้งสนับสนุนกิจกรรมเล่านิทานหุ่นมือในโครงการ “เติมเต็มเจ้าตัวเล็กปี 2 ตอนออกเดินทาง” ไปยังโรงเรียนต่างๆ อีกด้วย
ทั้งนี้ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมบริจาคของเล่นและหนังสือสำหรับเด็กได้ที่ โรงพยาบาลสิริโรจน์ เพื่อร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการมอบโอกาสและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่เด็กและชุมชนของจังหวัดภูเก็ตต่อไป
-----------------------------------------------------------------------
คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต สั่ง นายเหิน เก็บทรัพย์ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง กรณีก่อสร้างอาคารในที่ดิน ส.ป.ก.โดยมิได้รับอนุญาตภายใน 30 ก.ย. 52
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 27 ก.ค. 52 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสมชาย เฮงวัชรไพบูลย์ เกษตรจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต (คปจ.ภูเก็ต) โดยมีนายธีรวุฒิ ถาวรพัฒนพงศ์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต และคณะกรรมการฯ จากส่วนราชการต่าง ๆ เข้าร่วม
สำหรับวาระที่สำคัญเป็นเรื่องแต่งตั้งผู้แทนเกษตรกรในคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต การให้สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพาะเห็ดในเขตปฏิรูปที่ดินตำบลฉลองกู้เงินกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และการสั่งให้เกษตรกรสิ้นสิทธิเข้าทำประโยชน์รายนายเหิน เก็บทรัพย์
ในส่วนของเรื่องการแต่งตั้งผู้แทนเกษตรกรในคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต นั้น สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมภูเก็ต (ส.ป.ก.ภูเก็ต) ได้พิจารณาคัดเลือกผู้แทนเกษตรจำนวน 4 คน คือ นายดำรงค์ นนท์แก้ว นายศราวุธ แก้วประดับ นายทรงเกียรติ ลือสัตย์จา นายเกษม หวังจิตร โดยที่ประชุม คปจ.ภูเก็ต ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2552 ได้ให้ความเห็นชอบข้อเสนอของ
ส.ป.ก. ภูเก็ต และได้ส่งให้ ส.ป.ก. เพื่อดำเนินการต่อไปนั้น ส.ป.ก. ได้มีหนังสือแจ้งให้จังหวัดภูเก็ตทราบว่า รมต.เกษตรและสหกรณ์ได้แต่งตั้งผู้แทนเกษตรกรในคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต จำนวน 4 คนดังกล่าวเป็นกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ตเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 52 สำหรับการให้สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพาะเห็ดในเขตปฏิรูปที่ดินตำบลฉลองกู้เงินกองทุนฯ นั้น สมาชิกกลุ่มฯ จำนวน 8 ราย ได้ยื่นขอคำขอกู้เงินฯ เพื่อซื้อปัจจัยการผลิตในการดำเนินกิจกรรมฯ จำนวน 4 ราย เป็นเงิน 210,000 บาท กำหนดชำระคืนภายในเวลา 3 ปี
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาเรื่องการสั่งให้เกษตรกรสิ้นสิทธิการเข้าทำประโยชน์รายนายเหิน เก็บทรัพย์ ทั้งนี้สืบเนื่องจากการประชุมครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 52 คณะกรรมการฯ มีมติให้ตั้งกรรมการตรวจสอบพื้นที่และประเมินระยะเวลาในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง รายนายเหิน เก็บทรัพย์ ซึ่งก่อสร้างอาคารในที่ดิน ส.ป.ก. โดยมิได้รับอนุญาต นั้น ที่ประชุมเห็นควรกำหนดระยะเวลาให้เกษตรกรราย นายเหิน เก็บทรัพย์ ดำเนินการรื้อถอนอาคารทั้งหมดภายในวันที่ 30 ก.ย. 52 ตามความเห็นของคณะอนุกรรมการตรวจสอบพื้นที่และประเมินระยะเวลาในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง กรณี นายเหิน เก็บทรัพย์ ก่อสร้างอาคารในที่ดิน ส.ป.ก.โดยมิได้รับอนุญาต ตามคำสั่งคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต ที่ 2/2552 สั่ง ณ วันที่ 22 เม.ย. 52
--------------------------------------------------------------------------------------
สำนักงานประกันสังคม บรรเทาภาระนายจ้างและผู้ประกันตน ลดอัตราเงินสมทบทุนประกันสังคม เหลือร้อยละ 3 งวด ก.ค. – ธ.ค. 52
นางพรทิพย์ ตัณฑัยย์ ประกันสังคมจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคมได้มีมาตรการลดอัตราเงินสมทบสำนักงานประกันสังคมได้มีมาตรการ “ลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม” เพื่อเป็นการบรรเทาภาระให้กับนายจ้างผู้ประกันตน ซึ่ง สนองตอบต่อมาตรการในการบรรเทาปัญหาการเลิกจ้างของกระทรวงแรงงานในการลดค่าครองชีพตามมาตรการ “3 ลด 3 เพิ่ม” จากเดิมฝ่ายละ ร้อยละ 5 ของค่าจ้าง เป็นฝ่ายละ ร้อยละ 3 ของค่าจ้าง ส่วนรัฐบาลจ่ายเงินสมทบในอัตราร้อยละ 2.75 เท่าเดิม โดยจะเริ่มลดอัตราเงินสมทบ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2552 และสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2552 ซึ่ง วันที่ 1 มกราคม 2553 ให้นายจ้างนำส่งเงินสมทบในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตน ฝ่ายละ ร้อยละ 5 เช่นเดิม ดังนั้น การนำส่งเงินสมทบของงวดเดือนกรกฎาคม ถึง งวดเดือนธันวาคม 2552 (6 งวด) นายจ้างจะต้องนำส่งเงินสมทบในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตนภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการจ่ายค่าจ้าง ในอัตราฝ่ายละร้อยละ 3 ของค่าจ้าง เช่น ค่าจ้างงวดเดือนกรกฎาคม 2552 นายจ้างจะต้องนำส่งเงินสมทบในอัตราฝ่ายละร้อยละ 3 ของค่าจ้าง (ฐานค่าจ้าง 15,000 บาท นายจ้างจะต้องนำส่งเงินสมทบในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตนฝ่ายละ450 บาทต่อเดือน) แต่สำหรับ ค่าจ้าง งวดเดือนมกราคม 2553 นายจ้างจะต้องนำส่งเงินสมทบ ในอัตราฝ่ายละร้อยละ 5 ของค่าจ้าง (ฐานค่าจ้าง 15,000 บาท นายจ้างจะต้องนำส่งเงินสมทบในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตน ฝ่ายละ 750 บาทต่อเดือน) ตามเดิม สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 (ผู้ประกันตนโดยสมัครใจ) ได้กำหนดลดอัตราเงินสมทบ จากเดิมร้อยละ 9 ของค่าจ้าง (ฐานค่าจ้าง 4,800 บาท) ลดเหลือร้อยละ 5 ของค่าจ้าง เช่นกัน ดังนั้นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ที่นำส่งเงินสมทบเดิม 432 บาท เป็นนำส่งเงินสมทบเดือนละ 240 บาท ตั้งแต่งวดเดือน กรกฎาคม 2552 และสิ้นสุดที่งวดเดือน ธันวาคม 2552 เป็นระยะเวลา 6 งวด ทั้งนี้ งวดเดือน มกราคม 2553 ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ให้นำส่งเงินสมทบ เดือนละ 432 บาท เช่นเดิม
หากนายจ้างและผู้ประกันตนมีข้อสงสัย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัด/สาขาทั่วประเทศ หรือ โทร.1506 ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง ให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุด ตั้งแต่เวลา 07.00 – 19.00 น.หรือติดต่อระบบโทรศัพท์ ตอบรับอัตโนมัติให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หรือดูรายละเอียดได้ที่ http://www.blogger.com/
---------------------------------------------------------------นางพรทิพย์ ตัณฑัยย์ ประกันสังคมจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคมได้มีมาตรการลดอัตราเงินสมทบสำนักงานประกันสังคมได้มีมาตรการ “ลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม” เพื่อเป็นการบรรเทาภาระให้กับนายจ้างผู้ประกันตน ซึ่ง สนองตอบต่อมาตรการในการบรรเทาปัญหาการเลิกจ้างของกระทรวงแรงงานในการลดค่าครองชีพตามมาตรการ “3 ลด 3 เพิ่ม” จากเดิมฝ่ายละ ร้อยละ 5 ของค่าจ้าง เป็นฝ่ายละ ร้อยละ 3 ของค่าจ้าง ส่วนรัฐบาลจ่ายเงินสมทบในอัตราร้อยละ 2.75 เท่าเดิม โดยจะเริ่มลดอัตราเงินสมทบ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2552 และสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2552 ซึ่ง วันที่ 1 มกราคม 2553 ให้นายจ้างนำส่งเงินสมทบในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตน ฝ่ายละ ร้อยละ 5 เช่นเดิม ดังนั้น การนำส่งเงินสมทบของงวดเดือนกรกฎาคม ถึง งวดเดือนธันวาคม 2552 (6 งวด) นายจ้างจะต้องนำส่งเงินสมทบในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตนภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการจ่ายค่าจ้าง ในอัตราฝ่ายละร้อยละ 3 ของค่าจ้าง เช่น ค่าจ้างงวดเดือนกรกฎาคม 2552 นายจ้างจะต้องนำส่งเงินสมทบในอัตราฝ่ายละร้อยละ 3 ของค่าจ้าง (ฐานค่าจ้าง 15,000 บาท นายจ้างจะต้องนำส่งเงินสมทบในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตนฝ่ายละ450 บาทต่อเดือน) แต่สำหรับ ค่าจ้าง งวดเดือนมกราคม 2553 นายจ้างจะต้องนำส่งเงินสมทบ ในอัตราฝ่ายละร้อยละ 5 ของค่าจ้าง (ฐานค่าจ้าง 15,000 บาท นายจ้างจะต้องนำส่งเงินสมทบในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตน ฝ่ายละ 750 บาทต่อเดือน) ตามเดิม สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 (ผู้ประกันตนโดยสมัครใจ) ได้กำหนดลดอัตราเงินสมทบ จากเดิมร้อยละ 9 ของค่าจ้าง (ฐานค่าจ้าง 4,800 บาท) ลดเหลือร้อยละ 5 ของค่าจ้าง เช่นกัน ดังนั้นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ที่นำส่งเงินสมทบเดิม 432 บาท เป็นนำส่งเงินสมทบเดือนละ 240 บาท ตั้งแต่งวดเดือน กรกฎาคม 2552 และสิ้นสุดที่งวดเดือน ธันวาคม 2552 เป็นระยะเวลา 6 งวด ทั้งนี้ งวดเดือน มกราคม 2553 ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ให้นำส่งเงินสมทบ เดือนละ 432 บาท เช่นเดิม
หากนายจ้างและผู้ประกันตนมีข้อสงสัย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัด/สาขาทั่วประเทศ หรือ โทร.1506 ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง ให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุด ตั้งแต่เวลา 07.00 – 19.00 น.หรือติดต่อระบบโทรศัพท์ ตอบรับอัตโนมัติให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หรือดูรายละเอียดได้ที่ http://www.blogger.com/
ข่าว วันที่ 15 ก.ค.52
ชาวบ้านแห่ไปทำสติ๊กเกอร์ผ่านเข้าออกในตำบลเชิงทะเล พื้นที่จัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ยอดความต้องการสติ๊กเกอร์กว่า 7 หมื่นราย ขณะที่ผลจากมาตรการเข้มงวดการตั้งด่านตรวจทำให้เริ่มมีเสียงประชาชนบางส่วนว่าไม่ได้รับความสะดวก และขอให้มาตรการรักษาความปลอดภัยได้เข้มงวดเฉพาะจุดทางเข้าโรงแรมสถานที่จัดประชุม.
เช้าวันนี้ (15 ก.ค.52) ประชาชนจำนวนมากเดินทางไปยื่นเอกสารขอทำสติ๊กเกอร์บัตรผ่านเข้าออกยานพาหนะ ช่วงการจัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่จังหวัดภูเก็ต ที่ศูนย์ปฏิบัติงานมวลชนของ กอ.รมน. ณ บริเวณอาคารโรงเรียนเชิงทะเลวิทยาคม ขณะที่การตั้งโต๊ะบริการของเจ้าหน้าที่ทหารมีเพียง 2 จุด ส่งผลให้ประชาชนต้องเข้าแถวรอเป็นเวลานาน และมีบางคนไม่เข้าใจในขั้นตอนและแนวทางการขอสติ๊กเกอร์ ทำให้มีทีท่าว่าจะเกิดความไม่พอใจขึ้น ทำให้ นายเรวัติ อารีรอบ ส.ส.จังหวัดภูเก็ต และนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้เดินทางไปร่วมอำนวยความสะดวก และขอให้ทางทหารตั้งโต๊ะบริการประชาชนที่มาขอสติ๊กเกอร์เพิ่ม ทำให้การบริการของเจ้าหน้าที่รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม
โดยเจ้าหน้าที่ทหาร ได้ชี้แจงต่อประชาชน ว่า สาเหตุที่เกิดความล่าช้า และสติ๊กเกอร์ที่เตรียมไว้ไม่เพียงพอกับประชาชนที่มาขอรับบริการ เนื่องจากการลงสำรวจในครั้งแรกใน 6 ตำบล มีประชาชนลงทะเบียนไว้ 2 หมื่นรายเท่านั้น แต่ขณะนี้กลับมีคนมาเพิ่มเป็น 7 หมื่นราย จึงอาจจะทำให้ไม่ได้รับความสะดวกบ้าง แต่ขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วย
ด้านประชาชนที่มาขอสติ๊กเกอร์ ระบุ ว่า จากการตั้งด่านตรวจของทหารในหลายจุดและมีการตรวจเข้มงวด ทำให้การจราจรในพื้นที่ติดขัดและประชาชนบางส่วนตั้งเสียเวลาในการเดินทาง จึงอยากจะขอให้เจ้าหน้าที่ตั้งด่านเข้มงวดเฉพาะทางเข้าโรงแรมลากูน่า สถานที่จัดประชุมเท่านั้น ส่วนเส้นทางถนนศรีสุนทร และถนนเทพกระษัตรี ขอให้ประชาชนได้สัญจรไปมาอย่างสะดวก โดยขอยืนยันว่า ประชาชนในตำบลเชิงทะเลทุกคน พร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการจัดประชุมครั้งนี้
ขณะที่นายวิชัย ไพรสงบ รับปากว่าจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับกองทัพภาคที่ 1 เพื่อให้ผ่อนมาตรการ ไม่ให้กระทบกับประชาชนในพื้นที่
จากนั้นในช่วงบ่าย พลโทดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ ผู้อำนวยการส่วนนโยบายและแผน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พร้อมด้วยนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมชี้แจงทำความเข้าใจประชาชน ผ่านผู้ประสานงานในท้องถิ่น โดยระบุว่า ความไม่สะดวกการจราจรที่เกิดขึ้นจากการตั้งด่าน จะแก้ไขโดยให้รวมจุดตรวจของทหารและตำรวจบูรณาการร่วมกัน และจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มข้นในการรักษาความปลอดภัยบริเวณชั้นในสุดของโรงแรมสถานที่จัดประชุม ส่วนในพื้นที่ชั้นนอกเขตรัศมี 5 กิโลเมตร ตำรวจจะตั้งด่านตรวจเฝ้าระวังผู้ต้องสงสัย อาวุธปืนและระเบิด ส่วนความเข้าใจไม่ตรงกันเรื่องการลงทะเบียนสติ๊กเกอร์ จะเร่งปรับปรุงแก้ไข เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน.
---------------------------------------------------------------
ข่าว วันที่ 14 ก.ค.52
พิพิธภัณฑสถานถลางแห่งชาติถลาง ร่วมสืบสานวัฒนธรรมการแต่งกายสตรีภูเก็ตจัดประกวดการแต่งกายชุดพื้นเมืองภูเก็ต (ย่าหยา) 14 ก.ค. 52 นี้
นางสาวอัจจิมา หนูคง หน.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลาง กล่าวว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลาง เล็งเห็นถึงความสำคัญของวัฒนธรรมการแต่งกายพื้นเมืองภูเก็ตที่ควรค่าแก่การสืบสาน ซึ่งเยาวชน คนรุ่นปัจจุบันเป็นผู้ท่มีบทบาทสำคัญในการสืบสานวัฒนธรรมนี้ไว้ คุณค่าของชุดย่าหยาคือคุณค่าของมรดกในวันวาน แม้จะเป็นอดีต แต่เป็นอดีตที่รุ่งเรือง มากค่าด้วยวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นและส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่นไม่เคยหยุดนิ่ง ถ้าคนรุ่นใหม่จะช่วยกันอนุรักษ์ชุดย่าหยาให้เป็นมรดกที่สืบต่อชั่วลูกชั่วหลานก็จะยิ่งสร้างคุณค่าแห่งวัฒนธรรมการแต่งกายอันงดงามยิ่งนี้ตลอดไป พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลางจึงได้จัดกิจกรรมการประกวดการแต่งกายชุดย่าหยาขึ้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ สืบทอด วัฒนธรรมการแต่งกายพื้นเมืองภูเก็ตรวมถึงเพื่อให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปตระหนักถึงคุณค่าวัฒนธรรมการแต่งกายแบบพื้นเมืองตลอดจนเพื่อเป็นการสร้างค่านิยมการแต่งกายแบบพื้นเมืองภูเก็ต
ทั้งนี้ได้มีการแบ่งการประกวดออกเป็น 3 รุ่นคือ รุ่นธิดาย่าหยาอายุตั้งแต่ 10-18 ปี รุ่นเทพีย่าหยา อายุตั้งแต่ 19-35 ปี และรุ่นสาวน้อยย่าหยา อายุตั้งแต่ 36 ปีขึ้นไป โดยผู้ชนะเลิศในแต่ละรุ่น รับเงินรางวัล 3,000 บาท รองชนะเลิศอันดับที่ 1 ในแต่ละรุ่น รับเงินรางวัล 2,000 บาท รองชนะเลิศอันดับที่ 2 ในแต่ละรุ่น รับเงินรางวัล 1,000 บาทและรางวัลชมเชย ในแต่ละรุ่นรับเงินรางวัล 500 บาท กำหนดการประกวดในวันที่ 14 ก.ค. 52 เวลา 18.00 น.ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลาง สี่แยกอนุสาวรีย์ อ. ถลาง จ. ภูเก็ต
-----------------------------------------------------------------
ข่าว วันที่ 13 ก.ค.52
ผู้สูงอายุภูเก็ตสนใจแห่ซื้อพันธบัตรไทยเข้มแข็ง บางส่วนต้องผิดหวัง เหตุระบบปิดรับก่อนเที่ยง
บรรยากาศวันแรกของการจำหน่ายพันธบัตรไทยเข้มแข็งงวดแรก ของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเปิดให้ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปจองซื้อก่อนในวงเงินขั้นต่ำ 1 หมื่นบาท แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท รวมวงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท ระหว่างวันที่ 13-14 กรกฎาคม 2552 ที่ธนาคารพาณิชย์ทั้ง 7 แห่ง ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้แทนจำหน่าย นั้น
ในส่วนของธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนเทพกระษัตรีและธนาคารไทยพาณิชย์สาขาถนนภูเก็ต พบว่ามีผู้ให้ความสนใจพอสมควร โดยเฉพาะหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเจ้าฟ้า มีผู้สูงอายุบางรายมารอกันอยู่ที่บริเวณหน้าธนาคารก่อนเวลาทำการเล็กน้อย นายสมชาย พิกุลทอง ประธานเขต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด จ.ภูเก็ต พังงา และกระบี่ กล่าวว่า ในส่วนของธนาคารกรุงเทพนั้นมีผู้สูงอายุสนใจมาจองซื้อพันธบัตรกันเป็นจำนวนมาก โดยสามารถจองซื้อได้จำนวนหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากระบบได้ทำการปิดตั้งแต่ก่อนเที่ยง ทำให้บางส่วนที่ไม่สามารถจองซื้อได้ก็ต้องผิดหวังกลับไป ทั้งนี้ก็ต้องมีการชี้แจงทำความเข้าใจว่าจะมีการเปิดจำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไปอีกครั้งในวันที่ 15 กรกฎาคม 2552 นี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีผู้สนใจมากกว่านี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น