เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบว่าเป็นร้านอาหารหรือผับเพื่อชีวิต ตั้งอยู่ริมถนน ภายในร้านข้าวของจำพวกขวดเหล้าขวดโซดาแตกกระจายเกลื่อนพื้น บนพื้นมีนักท่องเที่ยวทั้งชายและหญิงเลือดอาบร่างร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตจึงกระจายกำลังออกให้การช่วยเหลือทำการปฐมพยาบาลในเบื้องต้นการนำตัวผู้บาดเจ็บ รวม 5 คน เป็นชาย 4 คนหญิง 1คน ส่งโรงพยาลถลางเป็นการด่วน
ส่วนรายชื่อผู้บาดเจ็บประกอบด้วย นายวีระเดช เสนาะคำ อายุ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 203/2 หมู่ที่8 ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ถูกยิงด้วยอาวุธปืน9มม.กระสุนเข้าที่บริเวณชายโครงด้านซ้ายกระสุนฝังใน เสียชีวิตในเวลาต่อมาขณะนำส่งโรงพยาบาลถลาง และผู้รอดชีวิตแต่ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย คือ นางสาวสุมาพร ทนงาน อายุ 25 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กที่หลังมือขวา นายสุธน สุดปราบจิต อายุ33 ปี ถูกยิงเข้าที่บริเวณศีรษะ กระสุนฝังในอาการสาหัส นายอรัญ จันทร์วงศ์ อายุ 24 ปีถูกยิงกระสุนทะลุหัวเขาซ้าย นายทรงวุฒิ เดชารักษ์ อายุ 38 ปี ถูกยิงกระสุนทะลุบริเวณแขนซ้าย
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจสอบเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน พบปลอกกระสุนปืน 9 มม. ตกอยู่ภายในร้าน 3 ปลอก และพบชายหนุ่มที่อยู่ในอาการมึนเมาจึงได้ทำการตรวจสอบและตรวจค้น ทราบชื่อภายหลังว่า มียศ ส.อ ชื่อ ส.อ.วิสุทธิ์ ดวงแก้ว อายุ 28 ปี ทหารสังกัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.นราธิวาส ซึ่งทางตำรวจได้เชิญตัวไปสอบปากคำที่ สภ.เชิงทะเล พร้อมทำการตรวจสอบเขม่าดินปืน ในขณะที่ ส.อ.วิสุทธิ์ ยังคงให้การปฎิเสธ แต่จากพยานหลักฐานที่มัดแน่นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนนาจนถึงแก่ชีวิต
จากการสอบสวนทางเจ้าหน้าที่ทราบว่า ส.อ.วิสุทธิ์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตายในครั้งนี้เป็นทหารับราชการอยู่ที่ จ.นราธิวาส ได้ลาพักมาหาแฟนสาวซึ่งทำงานอยู่ที่โรงแรมในเครือลากูน่าภูเก็ต โดยชักชวนแฟนสาวและเพื่อนสาวของแฟนกลุ่มใหญ่ มานั่งฉลองเทศกาลสงกรานต์ภายในผับเพื่อชีวิตสถานที่เกิดเหตุ ก่อนเกิดเหตุทั้งสองฝ่ายพากันมานั่งเที่ยวดื่มกินฉลองสงกรานต์ โดยกลุ่มของทาง ส.อ.วิสุทธิ์ มีสภาพที่เมาและขึ้นไปร้องเพลงเสียงดังจนไม่สนใคร ทำให้กลุ่มของผู้บาดเจ็บหันไปมองจนทำให้เกิดการเขม่นกันขึ้น หลังลงมาจากเวที ส.อ.วิสุทธิ์ ได้ย่างสามขุมไปยังโต๊ะของกลุ่มวัยรุ่นที่มองหน้าแล้วชักอาวุธปืนคู่กายออกมากระหน่ำยิงไม่ยั้งจนเจ็บตาบกันระนาวดังกล่าว
ข้อมูลจาก...ภูเก็ตอันดามัน ออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น