นายสกฤษดิ์ จันทร์ดี ประธานชมรมอนุรักษ์เกาะรายา (เกาะราชา) กล่าวว่า ในอดีตเกาะราชาใหญ่ ชาวบ้านประกอบอาชีพเกษตรกร ทำไร่ ทำนา ทำสวนมะพร้าว และนำผลผลิตไปขายยังจังหวัดภูเก็ต โดยเรือหางยาว แต่ปัจจุบันธุรกิจท่องเที่ยวเข้ามายังเกาะราชา จึงมีนายทุนหลายกลุ่มเข้ามาซื้อที่ดินเพื่อสร้างที่พักและรีสอร์ท แต่ยังมีชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่ได้ขายที่ดินและยังทำสวนแบบดั้งเดิม ทั้งนี้เมื่อมีนายทุน (รายาบุรี) เข้ามาซื้อที่ดินในบริเวณอ่าวสยาม และได้ทำการก่อสร้างรีสอร์ท ในระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมาของการก่อสร้าง ได้เกิดปัญหาความขัดแย้งกับชาวบ้าน โดยที่ผ่านมาชาวบ้านไม่สามารถใช้เส้นทาง ขนถ่ายสินค้าเกษตร หรือขนถ่ายสินค้าใดๆ โดยผ่านเส้นทางนี้ได้เลย ทั้งที่เส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางที่ชาวบ้านใช้มานานกว่า 80 ปี เป็นเส้นทางสายแรกของเกาะราชาที่ใช้ขนถ่ายพืชไร่ สินค้าเกษตรเพื่อลงเรือหางยาวไปขายยังจังหวัดภูเก็ต และชาวเรือประมงทุกชนิดต้องใช้อ่าวนี้เป็นที่หลบมรสุมตะวันออกในช่วงเดือน พฤศจิกายน ถึง พฤษภาคม
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนได้ร้องขอความธรรมจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และให้รายละเอียดเกี่ยวกับการก่อสร้างของผู้ประกอบการรายาบุรีรายนี้ว่า เป็นการก่อสร้างที่ยังไม่ได้รับการอนุญาต ซึ่งได้ก่อสร้างไปกว่า 60% แล้ว และที่ดินแปลงนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบการถือกรรมสิทธิ์ การได้เอกสารสิทธิ์ว่าได้มาอย่างไร
ประธานชมรมอนุรักษ์เกาะรายา (เกาะราชา) ยังกล่าวต่ออีกว่า การทำการก่อสร้างของผู้ประกอบการรายนี้ยังส่งผลกระทบต่อการทำลายสิ่งแวดล้อม ทั้งทางทะเล แนวปะการัง และผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างรุนแรง การถมคูคลองการขุดทรายบริเวณชายหาด เพื่อปรับที่ภายในรีสอร์ท และการสร้างถนน ตัดภูเขา และป่าไม้ที่อ้างสิทธิ์ครอบครองว่าเป็นของสมัครพรรคพวกนักการเมืองใหญ่ แต่ที่สุดแล้วผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นอันดับแรกในการกระทำของผู้ประกอบการในครั้งนี้ คือ ประชาชนบ้านเกาะราชา หมู่ 3,4, และ หมู่ 5 ตำบลราไวย์ แทบทั้งสิ้น
ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังได้รับหนังสือร้องเรียนว่าจะลงพื้นที่เพื่อดูปัญหาและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาต่อไป
----------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น