นายแพทย์ สสจ.ภูเก็ต ร่วมฉีดวัคซีนป้องกันหวัด 2009 พร้อมระบุ มีประชาชนกลุ่มเสี่ยงเข้ารับบริการฉีดวัคซีนแค่ 6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต่ำกว่าเป้า ส่วนสาเหตุเกิดจากประชาชนให้ความสนใจน้อย และกลัวผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน เร่งทำประชาสัมพันธ์รณรงค์ ผ่านสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553 ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต นายแพทย์พงษ์สวัสดิ์ รัตนแสง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายแพทย์วีระวัฒน์ ยอแสงรัตน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ได้ตรวจเยี่ยมการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยมีคณะเจ้าหน้าที่ทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ภูเก็ต ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ 5 กลุ่มที่ควรได้รับวัคซีน ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ที่ให้บริการใกล้ชิดผู้ป่วย หญิงมีครรภ์อายุครรภ์มากกว่า 3 เดือน คนอ้วนน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัม ผู้พิการทางสมอง และโรคเรื้อรัง รวมถึงประชาชนทั่วไป ได้ทยอยเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวนมาก อย่างไรก็ตามในการให้บริการฉีดวัคซีนฯ ดังกล่าวนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เป็นคนแรกที่เข้ารับบริการฉีดวัคซีนในวันนี้
นายแพทย์พงษ์สวัสดิ์ฯ กล่าวว่า ภายหลังการฉีดวัคซีนรู้สึกเป็นปกติ ไม่มีอาการแพ้แต่อย่างใด ส่วนเรื่องความมั่นใจในวัคซีนนั้น ผู้เชี่ยวชาญยืนยันชัดเจนว่าอยู่ในระดับที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งเทียบเคียงได้กับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทั่วไปที่เคยฉีดมาหลายสิบปีแล้ว และวัคซีนที่ใช้นี้ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก โดยวัคซีนที่ประเทศไทยนำเข้าเป็นวัคซีนจากประเทศฝรั่งเศสที่ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลก แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขมีระบบการเฝ้าระวัง เพื่อติดตามอาการหลังฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยงอย่างใกล้ชิด โดยให้คำแนะนำและรับแจ้งเหตุทุกราย เพื่อให้การดูแลและให้คำปรึกษาอย่างดีที่สุด ซึ่งขณะนี้ทั่วประเทศมีรายงานอาการภายหลังได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 52 ราย จากผู้รับริการฉีดแล้ว ตั้งแต่ 11- 29 มกราคม 2553 จำนวน 83,165 ราย ซึ่งส่วนใหญ่มีอาการเล็กน้อย เช่นมีไข้ ปวดบวมบริเวณที่ฉีด มีผื่นขึ้น ประมาณ 3 วัน ก็จะหาย
สำหรับจังหวัดภูเก็ต ในส่วนของวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ของจังหวัดภูเก็ต เป้าหมายทั้งหมดมีบุคลากรสาธารณสุขรวมทั้งคนไข้หรือกลุ่มเสี่ยง ตั้งแต่หญิงมีครรภ์ และคนไข้โรคเรื้อรัง จำนวนทั้งสิ้น 10,120 คน ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมามีการให้บริการฉีดได้แค่ 666 คน หรือประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเป้า ส่วนสาเหตุที่มีคนมาฉีดน้อย ปัจจัยแรกคือ ชาวบ้านยังให้ความสนใจน้อยเนื่องจากว่า คงทราบดีว่า ไข้หวัดใหญ่ 200 9 นี้เสียชีวิตน้อย ปัจจัยที่สอง ชาวบ้านอาจจะกลัวการฉีดวัคซีนเนื่องจากว่ายังไม่มั่นใจ แต่จริงๆ แล้วที่ข้อมูลทางระบาดวิทยา ข้อมูลทางการศึกษาพบวัคซีนดังกล่าวที่ประเทศไทยได้รับเป็นวัคซีนจากฝรั่งเศสมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง
“ในการรับวัคซีนก็ พยายามที่จะประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ รณรงค์ให้มาฉีดวัคซีนเนื่องจากยังมีประโยชน์ เราจะได้มีภูมิต้านทานไว้ เพราะว่าเราบอกไม่ได้ว่าร่างกายเราอ่อนแอเมื่อไหร่เราอาจจะติดเชื้อหวัดดังกล่าวนี้ก็ได้ สิ่งที่เราป้องกันได้ เราก็ควรที่จะมีการป้องกัน” นายแพทย์พงษ์สวัสดิ์ กล่าว
ด้านนายแพทย์วีระวัฒน์ ยอแสงรัตน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่า ตอนนี้ในส่วนของโรงพยาบาลยังมีคนไข้ที่มานอนพักรักษาในเรื่องของไข้หวัดใหญ่อยู่ แต่ในส่วนที่เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่จะมีน้อยลงกว่าตอนที่กำลังระบาดใหม่ๆ ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนจะต้องคอยดูแลระวังรักษาสุขภาพ เพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่จะมีโรคติดต่อของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ก็อยากจะให้พี่น้องประชาชนได้ดูแลร่างกายของตัวเองต่อไปตามที่ทางกระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการล้างมือ ทำความสะอาด แล้วก็คอยระวังในเรื่องการรับประทานอาหาร เรื่องการออกกำลังกาย ถ้ารู้สึกไม่สบาย ให้รีบพัก อย่าออกกำลังกายเพิ่มเพราะว่าในกรณีที่เราป่วยแล้วถ้าไปออกกำลังกายเพิ่ม เชื้อจะวิ่งเข้าไปที่ปอดและเป็นอันตรายได้
“ถ้ารู้สึกว่าป่วยไม่สบายให้พักผ่อน ถ้าถึงวันที่สามแล้วยังมีปัญหาอยู่ก็อยากให้มาที่โรงพยาบาลเพื่อมารับยาเพราะว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จะไม่เป็นอันตรายถ้ามารับยาในวันที่สามก็จะมียารับประทานซึ่งเป็นยาที่จะป้องกันไม่ให้เชื้อลุกลามมากขึ้นจะเป็นสิ่งที่ดีต่อตัวท่านเอง มีทั้งวัคซีน มีทั้งยา ถ้าป่วยให้มาโรงพยาบาล ขอให้นอนพักอย่าไปทำงาน ถ้าเป็นนักเรียนให้หยุดเรียน ประมาณ 4-5 วัน จะทำให้โรคไม่แพร่กระจายมากขึ้น” นายแพทย์วีระวัฒน์ กล่าว
ข้อมูลจาก :: เสงี่ยม เอียดตน ส.ปชส.ภูเก็ต
-----------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น