โดยผู้เสียชีวิตเป็นเด็กอายุ 11 เดือน และผู้ใหญ่ 55 กว่า ปี หลังจากนั้นมีเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ซึ่งเหตุเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย ที่ผ่านมา โดยหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สำนักงานระบาดวิทยาและเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขฯ รวมทั้งเจ้าหน้าที่สัตว์แพทย์ประจำกลุ่มสัตว์ทะเลหายากสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บตัวอย่างเนื้อเต่าทะเลไปตรวจสอบ ซึ่งผลการตรวจสอบออกมาแล้วว่าเนื้อเต่าที่นำไปทำอาหารนั้นมีพิษอยู่ เมื่อรับประทานเนื้อเต่าที่มีพิษเข้าไปก็ส่งผลให้คนที่มีภูมิต้านทานต่ำเสียชีวิตได้
“สำหรับพิษในเต่าทะเลตัวที่ชาวไทยใหม่นำไปฆ่าและทำอาหารรับประทานนั้นคาดว่าเต่าตัวดังกล่าวน่าจะนำไปกินพืชหรือฟองน้ำที่มีพิษเข้าไปทำให้สารพิษจากพืชที่เต่ากินเป็นอาหารสะสมในร่างกายหรือเนื้อเยื้อโดยเฉพาะเครื่องในของเต่าทะเล
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าเต่าทะเลจะมีพิษในร่างกายขึ้นอยู่กับอาหารที่เต่าทะเลกินเข้าไปเป็นอาหารถ้ากินฟองน้ำที่มีพิษก็จะทำให้พิษสะสมในเนื้อเยื้อของเต่าทะเลได้
สำหรับเต่าทะเลที่ชอบกินฟองน้ำเป็นอาหารนั้นจะเป็นเต่ากระเสียส่วนใหญ่ ส่วนเต่าอื่นๆเช่นเต่ากหญ้า เต่าตะนุไม่นิยมที่จะกินฟองน้ำเป็นอาหารแต่จะกินหญ้าทะเลเป็นอาหารหลัก ส่วนเต่ามะเฟืองนั้นจะกินแมงกะพรุนเป็นอาหารหลัก แต่อย่างไรก็ตาม เต่าทุกชนิดก็มีโอกาสที่จะสะสมสารพิษได้ขึ้นอยู่กับอาหารที่เต่ากินเข้าไป” นายวรรณเกียรติกล่าว และว่า
สถานการณ์เต่าทะเลในพื้นที่ฝั่งอันดามันนั้นพบว่า มีสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงโดยเฉพาะเต่ากระที่พบในพื้นที่ฝั่งอันดามันน้อยลง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีเต่าทะเลติดเครื่องมือการทำประมงเข้ามามาซึ่งมีทั้งที่ตายและพิการ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเต่ากระเต่านั้น แต่รวมไปถึงเต่าทะเลชนิดอื่นๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุการณ์ชาวไทยใหม่รับประทานเนื้อเต่าทะเลเข้าไปแล้วเสียชีวิตส่งผลให้ชาวไทยใหม่บางคนไม่กล้าที่จะจับเต่าทะเลมาทำอาหารซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นมีชาวไทยใหม่ได้เดินทางเข้าไปพบกับตนเพื่อที่จะขอเต่าไปปล่อยตามความเชื่อของเค้าที่เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการลงโทษคนที่ไปทำลายชีวิตเต่าทะเล เมื่อทำลายชีวิตเต่าก็จะต้องปล่อยเต่าทะเลเป็นการชดใช้เพื่อให้เคราะห์กรรมที่ทำไว้หมดไป ก็ได้จัดเต่าให้ปล่อยไปตามความเชื่อ
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น